ครูนักวิจัยคือครูมืออาชีพ
โดย นายบุญศรี แสงศรี ผอ.โรงเรียนบ้านบัวเชด
ปัจจุบันโลกยุคการจัดการฐานความรู้ ( Knowledge Based Management) เป็นยุคของการแข่งขันที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว (Speed Based Competition) ใช้ความได้เปรียบทรัพยากรทุนมนุษย์ (Capital Human Resources) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ ( Intangible Assets ) ได้แก่ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ รวมทั้งความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ( Creative ) มาใช้เป็นประโยชน์สร้างวงจรแห่งการเรียนรู้เพิ่มมูลค่าและคุณค่า ( Value ) เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน กระบวนการทางสังคมที่ใช้ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในรูปแบบความรู้โดยนัย ( Tacit Knowledge or Implicit Knowledge ) เป็นความรู้ที่ฝังลึกในตัวบุคคล ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดและแบ่งปันกันได้ ยิ่งใช้มากยิ่งมีความรู้มาก กับความรู้ที่ปรากฏ ( Explicit Knowledge ) ที่เป็นความรู้ที่ถ่ายทอดออกมาและบันทึกไว้ในรูปแบบต่างๆ เช่น บทความ เอกสาร โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งสื่ออิเลกทรอนิกส์ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผู้ที่ทำหน้าครูสอนต้องทำหน้าที่เป็น คุณอำนวย ( Facilitator ) ประสานจัดการเวทีให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของผู้เรียน โดยการสนับสนุนของผู้บริหารและทีมงานผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ( Sustainable learning ) หมายถึง วิธีการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เมื่อเรียนรู้สิ่งใดแล้ว นำไปใช้เป็นเครื่องมือแสวงหา และพัฒนาการเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต )
ครูผู้สอนมีหน้าที่จัดให้ผู้เรียนเข้าไปสู่แหล่งความรู้ และแนะนำวิธีเรียนรู้แบบต่างๆที่เหมาะสมและหลากหลายวิธีมากที่สุด โดยผู้เรียนมีอิสระที่จะเลือกแหล่งความรู้ ตามศักยภาพและความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของหลักสูตร เช่น สอนโดยใช้สื่อการเรียนการสอน สอนโดยใช้กิจกรรมหรือใช้แบบประสม นั่นคือ การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญนั่นเอง จุดมุ่งหมายสำคัญคือให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด ( คิดเป็น ) อาจใช้กิจกรรมซักถาม ( Quiz ) การอภิปราย ( Discussion ) อย่างมีเหตุผล การแก้ปัญหาเป็น ( Problem Solving ) เช่น การแสดงบทบาทสมมติ ( Acting / role play ) การบรรยาย ( Description ) บอกว่าจะทำอะไร อาจไม่ต้องทำจริง สุดท้ายผู้เรียนได้ทำจริง ศึกษาค้นคว้า ปฏิบัติจริง ( Performance / Authentic tasks ) โดยการทำรายงาน ( Report ) ใบงาน ( Worksheet ) และโครงงาน ( Project work ) เป็นต้น ประการสำคัญ เมื่อครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแล้วต้องมีการวัดและประเมินผล ( Evaluation ) ตามความเหมาะสม ได้แก่ แบบทดสอบ ( Test ) ใช้สำหรับวัดผลการเรียนรู้ควบคู่กับการประเมิน มี 4 แบบ คือ แบบเลือกตอบ ( Multiple choice ) แบบถูกผิด ( True-false ) แบบเติมช่องว่าง ( Fill in the blank ) และแบบจับคู่ ( Matching ) ซึ่งเรียกว่าประเภทบังคับคำตอบ ( Forced-Choice Items ) และอีกประเภทหนึ่งคือ การตอบเสรี ( Free Response ) เป็นคำถามให้หาคำตอบด้วยตนเอง หรือแบบเรียงความ ( Essay type ) และการประเมิน ( Assessment ) เป็นรูปแบบประเมินคุณค่าหรือราคาจากพฤติกรรมหรือปฏิกิริยาของผู้ถูกประเมินตามที่สังเกตเห็น ที่นิยมได้แก่ การประเมินตามสภาพจริง
( Authentic Assessment ) การประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ( port Folio Assessment ) การประเมินจากนิทรรศการ ( Exhibition Assessment ) การประเมินจากการสังเกตของครู ( Teacher Observation Assessment ) หรือการเฝ้าดูเด็ก ( Kid Watching ) การประเมินตนเอง ( Self Assessment ) และการประเมินจากกลุ่มเพื่อน ( Peer Assessment )
หัวใจสำคัญของการจัดการเรียนการสอนคือปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน เน้นการจัดกิจกรรมผู้เรียนเป็นสำคัญ แน่นอนผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนให้สำเร็จได้คือ ครู การเรียนการสอนปัจจุบันจึงเป็นการเรียนแบบร่วมมือกันระหว่างครู ผู้เรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการศึกษา ( Stake holders ) ทั้งหลาย ร่วมมือกันแสวงหาแนวทางให้ผู้เรียนบรรลุได้ตามเป้าหมาย ปัญหาของผู้เรียนให้ห้องเรียนเป็นหน้าที่ของครูโดยตรงที่จะแก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการ ( Action Research ) นั่นคือ นอกจากการเป็นครูสอนสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้เรียนแล้วต้องเป็นครู นักวิจัย ในคนๆเดียวกัน จึงจะเป็นครูมืออาชีพได้ กล่าวคือ นอกเหนือจากงานครูในแต่ละวัน เวลาที่ครูใช้ทำงานมิได้มีเพียงแต่การทำหน้าที่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังต้องทบทวนการทำงานของตนเองเกี่ยวกับการเรียนการสอน มีผลการวัดและประเมินผลผู้เรียนอย่างไร ปัญหามีต้องแก้ไขหรือปรับปรุงพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การค้นหาแนวทางการแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาการเรียนการสอนหรือปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนนั่นเอง
http://www.buached/ school.com
http://www.doctorsee.tht.in/
e-mail Sboonsri @ .Gmail.com
|